บทสัมภาษณ์พิเศษ  กับ โรเบิร์ต คิโยซากิ  - Robert Kiyosaki  (Rich Dad Poor Dad - พ่อรวยสอนลูก) กับ MLM 
สิ่งที่คุณกำลังจะได้รับทราบต่อไปนี้ เป็นการสัมภาษณ์พิเศษของนักธุรกิจผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่มีชื่อเสียง นักลงทุน ผู้บรรยาย และผู้แต่งหนังสือขายดีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกถึง 10 เล่ม "โรเบิร์ต คิโยซากิ"  เกิดและเติบโตในฮาวาย เขาเรียนรู้ธุรกิจจากคน 2 คน คนแรกคือพ่อจนผู้ซึ่งมีความรู้สูง เป็นข้าราชการเงินเดือนสูงและเป็นพ่อแท้ ๆ ของเขาเอง และอีกคนหนึ่งคือ พ่อรวย เป็นนักธุรกิจร้อยล้าน ซึ่งออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมสองเท่านั้น เป็นพ่อของเพื่อนสนิทของเขาเอง 
    ในปี 1997 (พ.ศ. 2540) โรเบิร์ตได้เขียนหนังสือขายดี โด่งดังไปทั่วโลกเล่มแรก ชื่อพ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad) และได้ออกแบบเกมกระแสเงินสด (Cashflow 101 หรือเกมส์แข่งหนู)  J.P. Morgan  นักข่าวหนังสือพิมพ์ Wall Street  Journal ได้พูดถึงหนังสือ พ่อรวยสอนลูกว่า “เป็นหนังสือที่ต้องอ่านสำหรับผู้ต้องการเป็นเศรษฐี”  และหนังสือพิมพ์  USA. Today เรียกหนังสือนี้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของทุกคน ที่ต้องการควบคุมสถานการณ์ทางการเงินในอนาคตของเขาเอง”   
โรเบิร์ต ได้เขียนหนังสือ  Rich Dad’s Cash Flow Quadrant (พ่อรวยสอนลูก เล่ม2  เงินสี่ด้าน) , Rich Dad’s Guide To Investing (พ่อรวยสอนลงทุน), Rich Kid Smart Kid (สอนลูกให้รวย) หนังสือที่ขายดีในทุกประเทศ และที่กำลังออกมาใหม่ล่าสุด Retired Young Retired Rich “เกษียณเมื่อหนุ่ม เกษียณอย่างร่ำรวย” ข้อเสนอแนะของโรเบิร์ตชัดเจนเข้าใจง่ายนั้นคือ คุณจะยอมรับผิดชอบต่อสถานการณ์ทางการเงินของคุณเองหรือจะยอมรับคำสั่งของคนอื่นๆไปตลอดชีวิต “คุณต้องการที่จะเป็นเจ้านายของเงิน หรือจะยอมเป็นทาสของเงิน”   และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาให้สัมภาษณ์พิเศษ เสนอทางเลือกของเขาในการที่จะเกษียณขณะที่ยังหนุ่มและเกษียณอย่างร่ำรวยMC:  คุณโรเบิร์ต ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติในวันนี้ เป็นที่กระจ่างชัดว่ามีคนเป็นล้านๆ คน ได้รับความรู้และประโยชน์ จากหนังสือและเทปของคุณ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อ่าน “พ่อรวยสอนลูก”  “เงินสี่ด้าน” หรือ “Cash Flow Quadrant” ขอให้คุณกรุณาช่วยอธิบายเกี่ยวกับเงินสี่ด้าน Cash Flow Quadrant ว่าคืออะไรสักเล็กน้อยได้ไหมครับ? Robert:  ลำดับแรก E หมายถึง Employee ลูกจ้าง  “ถ้าเธอต้องการร่ำรวย ต้องสร้างธุรกิจของเธอเอง” MC:  และสิ่งที่คุณพูดในหนังสือที่กล่าวว่าเมื่อคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในด้น E เริ่มสร้างธุรกิจของเขาเอง ก็มักจะเริ่มต้นจากด้าน S  เช่นสร้างธุรกิจขนาดย่อม อาจจะเป็นผู้รับเหมาช่วง รับงานเสริมต่างๆ การกระทำอย่างนั้นถูกต้องหรือไม่ครับ?Robert:  มันไม่มีถูกหรือผิดหรอกครับ แต่ว่าเมื่อหลายคนเริ่มพูดว่า “ผมต้องการทำอะไรที่เป็นของตัวเอง”  พวกขาก็จะเริ่มโยกย้ายตัวเองจากด้าน E และก้าวสู่ด้าน S และมันก็จะเข้าสู่วัฎจักรที่ไม่มีวันจบในความเห็นของผม เพราะว่าทุกคนจะต้องพึ่งคุณ รัฐบาลก็ต้องพึ่งภาษีจากการทำงานของคุณ ลูกจ้างก็ต้องพึ่งพาคุณ และแล้วคุณก็จะไม่มีเวลาว่างเลย เพราะว่าถ้าคุณไม่ทำงานรายได้ก็หยุด นี่เป็นส่วนที่ยากที่สุดและนี่เป็นสิ่งที่ธุรกิจขนาดย่อมทั้งในสหรัฐอเมริกาและทุกแห่งในโลกต้องเผชิญอยู่ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวต้องทำงานเสมือนเครื่องจักร และก็พบว่ามีไม่กี่คนที่สามารถร่ำรวยได้จากด้านนี้ แต่พวกเขาต้องทำงาน ทำงาน แล้วก็ทำงาน นี่เป็นจุดที่ S แตกต่างจาก B เพราะเมื่อไรที่ S นักธุรกิจขนาดย่อมหยุดทำงาน รายได้ก็หยุดไปด้วย แต่ขณะที่นักธุรกิจในด้าน B หยุดทำงาน รายได้เขายังคงไหลมาอย่างต่อเนื่อง  และด้านไหนล่ะที่ดีกว่ากัน ผมคิดว่าด้าน B เนี่ยแหละยอดเยี่ยมทีเดียวMC:  ในความเห็นของคุณอะไรคือสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่หยุดความคิดที่จะเริ่มทำธุรกิจในด้าน B จริงๆ ครับ?Robert:  ปัญหาก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะสร้างมันได้เพราะคุณต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ถึง 10 ปี ในการสร้างธุรกิจแบบ B ซักหนึ่งตัว และสถิติความล้มเหลวก็สูงมากถึง 90% ใน 5 ปีแรก และการสร้างธุรกิจแบบ B ปัจจุบันต้องใช้เงินทุนสูงถึง 5 ล้านเหรียญต่อปี เพียงแค่สร้างมันเท่านั้นนะครับ และถ้าคุณล้มเหลวคุณก็จะเป็นหนี้มหาศาล เป็นสาเหตุที่หลายๆ คนล้มละลาย  และผมเองก็เจ๊งถึง 2 ครั้ง ถึงกับล้มละลายทำให้เสียหายหลายล้านเหรียญ หลายๆ ครั้งผมต้องใช้เวลาถึง 10 ปี จึงจะเริ่มรับเงินเป็นผลกำไร คนส่วนใหญ่ในด้าน E และ S ไม่สามารถรับกับสภาวการณ์ทางการเงิน ทั้งทางด้านอารมณ์ และ ความคิด แล้วพวกเขาก็ไม่รู้วิธีการเข้าสู่ด้าน I การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แบบนักลงทุนที่ถูกต้องแบบที่ผมได้รับการฝึกฝนมา การตลาดเครือข่าย หรือ Network Marketing  (MLM) หลายคนมีความคิดลบๆ กับธุรกิจนี้และในความเป็นจริงผมก็ไม่ได้ทำธุรกิจเครือข่าย  หลายคนมีความคิดลบๆ กับคำว่า การตลาดเครือข่าย (MLM) นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าการตลาดเครือข่ายที่แท้จริงคืออะไร คนรวยทั้งหลายในโลกนี้ล้วนสร้างเครือข่ายทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น เครือข่ายโทรทัศน์ คนรวยของโลกเป็นเจ้าของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ (อาทิ เจ้าของ CNN), โทรศัพท์เครือข่าย เป็นเครือข่ายสถานีบริการโทรศัพท์ที่ให้บริการไปทั่วโลก พ่อรวยเคยพูดกับผมว่า “คนรวยสร้างเครือข่าย ในขณะที่คนทั่วไปมองหางานทำ”   ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณได้รับการฝึกฝนมา การตลาดเครือข่ายในมุมมองของผมเป็นหนทางที่ชาญฉลาดมาก สำหรับคนที่มีทุนน้อย และคุณอาจใช้เวลาซัก 5 ปีด้วยเงินลงทุนเพียงเล็กน้อย ในการเริ่มต้นสร้างทรัพย์สินขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้คุณมีอิสรภาพด้านการเงินได้ ปัญหาก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่ให้เวลานานเพียงพอต่อธุรกิจนี้ พวกเขาไม่มีการตัดสินใจ ความมุ่งมั่นศรัทธาที่จะยึดมั่นอยู่กับธุรกิจ แถมยังมีเพื่อนหรือคนที่รู้จักที่มีแต่ความคิดลบๆ ต่อการตลาดเครือข่าย ผมต้องขอย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่ได้สร้างรายได้จากธุรกิจการตลาดเครือข่าย (MLM) ผมสร้างระบบธุรกิจของผมเองMC:  ผมไม่คิดว่าคนส่วนใหญ่ทั่วไปจะคิดว่าการตลาดเครือข่าย หรือ MLM คือธุรกิจที่แท้จริงRobert:  แล้วคนที่อยู่ด้าน E กับ S ทั่วไปรู้จักธุรกิจที่แท้จริง ได้อย่างไร ? พวกเขาเป็นลูกจ้าง หรือติดอยู่กับงานที่เขาต้องทำมันอยู่ทุกวันเป็นธุรกิจส่วนตัว ผมต้องขออธิบายอะไรบางอย่างก่อน ที่ผมจะตอบคำถามต่อไปว่า เหตุผลอะไรที่ผมมาให้สัมภาษณ์บันทึกเทปนี้กับคุณเพราะผมต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงที่ผมเห็นว่ามันกำลังเกิดขึ้น และทำไมคุณถึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง“อิสรภาพ”  ในความหมายของผม คืออะไรผม หมายถึง การมีทางเลือกที่มากขึ้น ถ้าคุณอยู่ในด้าน E และ S คุณต้องยอมเสียอิสรภาพหลายๆ อย่าง ผม หมายถึงว่า ถ้าคุณเป็น E ก็จะมีคนอื่นๆ เป็นผู้กำหนดว่า “คุณควรมีรายได้เท่าไหร่? คุณต้องมาทำงานกี่โมง? เมื่อไหร่ที่คุณจะได้พัก? เมื่อไหร่คุณจะได้ทานอาหารกลางวัน? เมื่อไหร่คุณถึงจะกลับบ้านได้? เมื่อไหร่คุณจะได้ขึ้นเงินเดือน? หรือ ค่าจ้าง? และที่เลวร้ายที่สุด สำหรับแนวคิดการหางานทำงานที่มั่นคงทุกวันนี้ก็คือ ถ้าหากว่าบริษัทเกิดบริหารงานผิดพลาด เกิดมีปัญหาขึ้นมาเขาก็จะลดขนาดขององค์กรลง ปลดคุณออก แล้วคุณจะทำอย่างไร เพื่ออิสรภาพ อิสรภาพต้องการความกล้า MC:  ผมคิดว่าคุณคงจะเห็นด้วยนะครับ ว่าทุกวันนี้ผมเห็นคนไปทำงานกันทุกวัน ขณะเดียวกันเขาก็จะพร่ำบ่นกับเพื่อนร่วมงานข้างๆ ว่าเขาเกลียด ใช่ครับ เขาเกลียดงานของเขา เขาเกลียด ที่ต้องจ่ายเงินภาษีให้กับรัฐ แล้วถ้าเป็นคุณ คุณจะพูดกับคนแบบนี้ว่าอย่างไรครับ?Robert:  “คุณต้องตื่นได้แล้วเพื่อน”  ผมเห็นคนในรายการทีวีพร่ำบ่นถึงการปลดคนออกจากงานประจำ ผมต้องการงาน ผมต้องการเงิน ถ้าคุณต้องการจริง ๆ คุณต้องตื่นได้แล้ว ยิ่งคุณต้องการมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้มันมากเท่านั้น สิ่งที่สวยงามมากเกี่ยวกับการตลาดเครือข่ายก็คือว่า มันเป็นโอกาสของคุณ ที่คุณจะใช้เงินไม่กี่เหรียญประมาณว่าซัก 500 เหรียญคุณสามารถมีโอกาสในการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง รักษางานประจำหรือธุรกิจส่วนตัวของคุณไว้ แต่ว่าต้องเข้มแข็งให้มากขึ้น ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จในการตลาดเครือข่ายสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมขอแนะนำคือ จงอยู่ในธุรกิจนี้ให้นานอย่างน้อย 3, 4 หรือ 5 ปี เพราะสิ่งที่คุณจะได้รับคือ คุณได้รับความรู้ และความเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ  เพราะว่าพ่อผมทั้ง 2 คนเป็นคนที่เข็มแข็ง และ ซื่อสัตย์ ปัญหาก็คือพ่อจนของผมไม่ได้รับการฝึกฝนในการเป็นเจ้าของกิจการ เขาไม่เคยมีทัศนคติที่จะออกมาอยู่ทางด้าน B พ่อจนของผมเป็นครูสอนหนังสือและถูกออกตอนอายุ 50 ปี เพราะว่าเขาออกมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐฮาวายมันเป็นโปรแกรมการฝึกอบรมที่เยี่ยมยอดมาก MC:  สิ่งหนึ่งที่คุณได้กล่าวถึงในหนังสือคือ เรื่องความใฝ่ฝัน ในความคิดเห็นของผม ผมคิดว่าใครก็ตามที่ทำงานประจำมานานถึง 15 ปี ความใฝ่ฝันก็อาจจะหมดไป ความฝันของเขาก็อาจะเป็นเพียงแค่จะพาลูกเขาไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ปีหน้าเท่านั้น?Robert:  ผมคิดว่าคนส่วนมากมีความใฝ่ฝัน แล้วก็ฝัน แต่มันไม่เคยเป็นจริง พ่อรวยของผมกล่าวว่าสิ่งที่ทำให้ความใฝ่ฝันของเราลดลงเพราะความเป็นจริง ขอให้คนทุกคนกล้าที่จะฝัน ต้องมีการวางแผน มีระบบ มีกระบวนการที่ชัดเจนว่าคุณจะทำความฝันของคุณให้เป็นจริงได้อย่างไ ผู้แพ้! MC:  แล้วทำไมในช่วงสภาวการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้คนควรจะเริ่มต้นคิด ทำอะไรบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากที่เคยเป็นครับRobert:  เออ... สาเหตุที่ผมคิดว่าเราควรจะตื่นจากการหลับใหลกันได้แล้วในตอนนี้คือ ผมคิดว่าการพูดถึงงานที่มั่นคง เป็นเรื่องตลกมาก และสูตรเดิมที่ใช้ในการสร้างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่เคยพูดกันว่ามั่นคงปลอดภัย และถ้าคุณคิดเช่นนั้น คุณก็คงจะเป็นคนที่เชื่อในเรื่อง กระต่ายอีสเตอร์และซานต้าคลอส ผมหมายถึงคุณอาจจะโกรธผม แต่คนที่ขายหุ้นให้คุณเขาต้องว่าดีแน่ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเสี่ยงเกินไปสำหรับอนาคตทางการเงินของคุณ และถ้าคุณคิดว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น คุณกำลังพนันชีวิตของคุณกับการขึ้นและลงของตลาดหุ้น ผมหมายถึงคุณกำลังเอาอนาคตของการเกษียณอายุมาพนันเชียวนะ MC:  ถ้าเช่นนั้นแล้วทำไมทุกคนไม่ออกไปเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองซะล่ะครับRobert:  ผมคิดว่านั้นแหละคือหัวข้อที่ผมกำลังพูดถึงอยู่ มันคือ ความกลัว MC:  คุณได้กล่าวถึงการตลาดเครือข่ายว่าเป็น แฟรนไชน์ส่วนบุคคล ขอให้คุณช่วยอธิบายได้หรือไม่ว่าคุณหมายความว่าอะไร?Robert:  ก่อนอื่นผมขอเล่าให้คุณฟังถึงระบบแฟรนไชน์ก่อนน่ะครับ พ่อของผมถูกไล่ออกเมื่อตอนอายุ 50 ปี ซึ่งก็เป็นเหตุจูงใจอันหนึ่งเช่นกันสำหรับผม ถ้าคุณเห็นพ่อของคุณถูกให้ออกจากงาน ถูกเข้าชื่อในบัญชีดำโดยคนที่มีอำนาจเหนือคุณแล้วล่ะก็ ผมว่ามันคงจะทำให้ความคิดคุณเปลี่ยนแน่นอน พ่อผมเอาเงินจากการเกษียณอายุมาลงทุน ขาดทุนในธุรกิจแฟรนไชน์ เป็นธุรกิจไอศกรีม ผมไม่ขอกล่าวชื่อก็แล้วกัน เป็นธุรกิจไอศกรีมแฟรนไชน์ที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน แล้วพ่อผมก็สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปกับธุรกิจนั้น รู้ไหมระบบแฟรนไชน์ไม่สามารถปกป้องคุณได้ถ้าคุณเองไม่มีความคิด จิตใจ อารมณ์ที่เข้มแข็งที่จะยืนหยัดในโลกด้าน B ในขณะที่การตลาดเครือข่าย คือ ธุรกิจแฟรนไชน์ส่วนบุคคล แต่อันดับแรกคุณต้องเป็นคนที่เข้มแข็ง ถ้าคุณอยู่ในด้าน E คุณจะคาดหวังว่าจะมีคนอื่นๆ มาปกป้องคุณ  “โอ้เจ้านายจะปกป้องฉัน หัวหน้าจะปกป้องฉัน ใช่ไหม” แต่การที่คุณจะก้าวมาสู่ด้าน B ก้าวสู่โลกของปลาฉลาม หมีตัวใหญ่ กอลิล่ายักษ์นั่นแหละเพราะถ้าคุณไม่ประสบความสำเร็จในด้าน B คุณก็จะ “ต่อย...” (เสียงต่อย) คุณก็จะหลุดไป “เอาตื่นๆๆ ไปได้แล้ว บ้าย...บาย” ในด้าน B ไม่มีคำว่า “ยุติธรรม” ไม่มีคำว่า “เสมอภาค” ต่อให้คุณพูดว่า ผมยอมให้ตัดเงินของผม โยนผมลงไปในมหาสมุทร ผมจะสวดมนต์อ้อนวอน ผมทำเกรดได้ดีตอนอยู่ที่โรงเรียนนะ ผมเป็นคนดี ปลาฉลามก็ยังคงกินคุณอยู่ดี ไม่มีอะไรมาปกป้องคุณได้MC:  คุณพูดในหนังสือว่าการตลาดเครือข่ายเป็นการเล่นในระดับภาคสนาม คุณหมายความว่าอย่างไรครับ?Robert:  ผมตระหนักดีว่าการเล่นในระดับภาคสนามเป็นอย่างไร เมื่อตอนที่ผมทำงานให้กับบริษัท  ซีร๊อกซ์ คอร์ปอเรชั่น  เป็นเพราะว่าผมไม่มีวุฒิการศึกษาปริญญาโทด้านการบริหารหรือ MBA ที่เราเรียกกัน เขาจึงไม่อยากเลื่อนตำแหน่งให้ผม มันช่างน่าตลกไหมหล่ะ ผมเป็นเบอร์หนึ่งด้านการขายเป็นเพราะผมเล่นเกมส์ไม่เป็น  พ่อรวยเคยบอกว่า “ถ้าเราพยายามปีนไต่บันไดตามขั้นตำแหน่งในองกรใดๆแล้วล่ะก็ ปัญหาก็คือ วิวทิวทัศน์จะไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย” MC:  คุณมีอะไรจะเสริมอีกไหมครับ สำหรับผู้ที่กำลังฟังเทปของคุณอยู่ในขณะนี้Robert:   ผมขอพูดว่าเปิดโอกาสให้อิสรภาพดีไหม ให้โอกาสมัน เปิดใจให้กว้าง อย่าฟังเพื่อนของคุณ ผู้ซึ่งมีแต่ความหวาดกลัว อ่อนแอ สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมมีคือ ผมมีเพื่อนที่คอยให้กำลังใจผมพวกเขาต้องการให้ผมร่ำรวย พวกเขาคอยให้กำลังใจผม ก้าวสู่ความร่ำรวยยิ่งๆขึ้น ในครอบครัวพ่อจนของผม มีแต่คนเรียนสูงๆ ระดับปริญญาเอกหลายคน พวกเขามีทัศนคติที่แย่มากๆ เกี่ยวกับเรื่องเงิน ทัศนคติแย่จริงๆครับ  ผมไม่ต้องการเป็นแบบพวกเขา คนรวยจะไม่ดูถูกคนอื่น ผมไม่ค่อยชอบแนวของเพื่อนพ่อผมคนหนึ่ง เขาคอยแต่จะทำให้คนอื่นอ่อนแอ คุณต้องหางานที่มั่นคง คุณต้องเล่นด้วยความปลอดภัย อย่าเสี่ยง เขาจะสวดภาวนาบนความหวาดกลัว แทนที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้นความหวาดกลัว สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้รับจากการไปรบในสงครามเวียดนามคือ ผมได้เรียนรู้การควบคุมความหวาดกลัว แทนที่ผมจะยอมให้คนขี้ขลาดชนะ ผมคิดว่าในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงใบนี้ โลกที่ปกติคือความผิดปกติ คนที่มีอำนาจเหนือคุณอยู่ใกล้ๆ คุณทั่วไปหมด ผมคิดว่าคุณต้องมีความกล้าแล้วในวันนี้ นั่นแหละที่ผมคิดว่าการตลาดเครือข่ายสามารถให้แก่คุณได้MC:  คำถามสุดท้ายนะครับ คุณคิดว่าการตลาดเครือข่ายเป็นธุรกิจในด้าน B  ที่มีความสมบูรณ์แบบหรือไม่?Robert:  ใช่ สำหรับบางคน แต่ไม่ใช่ทุกคน เหมือนกับถ้าผมพูดว่าการเป็นคนรวยนั้นง่ายมาก ดังนั้นทุกคนต้องรวย คุณต้องค้นหาให้พบจากหัวใจ จากวิญญาณ  จากจิตใต้สำนึกของคุณเอง นั้นแหละที่ว่าทำไมหลายคนจึงถามผมว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้ผมร่ำรวย” นั้นคือ ผมไม่ต้องการให้ใครมาบอกผมว่า ผมต้องทำอะไร  ผมต้องการอิสรภาพของผมอย่างหมดหัวใจ ผมไม่ต้องการงานที่มั่นคง ผมต้องการอิสรภาพด้านการเงิน นั้นเป็นสิ่งที่ผมปรารถนา เผาผลาญอยู่ในจิตใต้สำนึกผมตลอดเวลา  
ท้าพิสูจน์!  โอกาสธรุกิจ Agel ต้นสายเอเซีย
          ศึกษาธุรกิจ Agel ที่ คุณ ROBERT T. KIYOSAKI (โรเบิร์ต คิโยซากิ)  นักธุรกิจระดับโลกและ ผู้แต่งหนังสือ พ่อรวย สอนลูก หรือ Rich Dad Poor Dad แนะนำให้เข้าร่วม ถ้าคุณ...ต้องการทำธุรกิจเครือข่ายในปัจจุบัน   
 <<คลิ๊ก>> ศึกษา ธุรกิจเครือข่าย Agel - เอเจล ที่เศรษฐีโลกแนะนำ พิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง