VDO เชื่อเพื่อสำเร็จ...ความฝัน...ความเชื่อ...ความสำเร็จ...
คิดบวก ชีวิตบวก
ฉบับนี้ทีมงาน key to success ขอนำท่านผู้อ่าน พบกับนักธุรกิจอิสระรุ่นใหม่ไฟแรง แห่งค่าย “อาเจล” ผู้ทุ่มเท มุ่งมั่น ให้กับการทำงานจนสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับสูงของ บริษัทได้ บุคคลที่ว่านั้นก็คือ “ณัฏฐ์ธเดช ชัยปกรณ์วงศ์” หรือที่เรารู้จักกันในนาม “คุณโจ” นักธุรกิจระดับ 4 Star Diamond Director บริษัท อาเจล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ทั้งนี้ หากเจาะลึกถึงเส้นทางชีวิตก่อนจะประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้ ของ “ณัฏฐ์ธเดช ชัยปกรณ์วงศ์” แล้วพบว่า เขาเคยผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากมาหลายครั้ง เริ่มตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ที่ครอบครัวต้องประสบกับปัญหาล้มละลาย มีหนี้สินกว่า 100 ล้านบาท เขาต้องพยายามดิ้นรน หารายได้เสริมต่างๆ เพื่อช่วยเหลือครอบครัว
จนต่อมาเมื่อเขาสามารถเรียนจบปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์แล้วได้เข้าทำงานในตำแหน่ง Software Developer ตามสาขาที่จบมาได้ช่วงระยะเวลา หนึ่ง หลังจากนั้นเขาจึงลาออกเพื่อไปศึกษาต่อด้าน ภาษาที่ประเทศอังกฤษ โดยใช้ทุนทรัพย์และความสามารถของตนเอง เมื่อจบกลับมา “ณัฏฐ์ธเดช” ได้เข้าทำงานเป็นผู้ประสานงานธุรกิจต่างประเทศให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง เขาทำงานประจำในฝ่ายประสานงานธุรกิจนี้ได้ปีกว่า จึงเริ่มมองหาโอกาสที่จะเพิ่มรายได้ และวันหนึ่งเขาก็มีโอกาสได้รู้จักกับธุรกิจอาเจล โดยบังเอิญ จากคลิปวิดีโอแนะนำธุรกิจในอินเตอร์เน็ต
“ด้วยความที่อยากหารายได้เสริม แม้ในช่วงแรกจะไม่เชื่อถือในผลิตภัณฑ์ของอาเจล แต่หลังจากได้นำผลิตภัณฑ์ของบริษัทไป ให้คุณพ่อ ซึ่งป่วยเป็นโรคเบาหวานทาน ปรากฏ ว่าค่าน้ำตาลในเลือดของท่านลดลงอย่างเห็น ได้ชัด คือ ใช้ระยะเวลาเพียง 20 วัน น้ำตาลในเลือด ของคุณพ่อก็ลดลงเกือบถึงระดับปกติ
จากนั้นตนจึงได้นำผลิตภัณฑ์ของอาเจลไปให้น้องสาว ซึ่งป่วย เป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงทาน โดยน้องสาวซึ่งปัจจุบันทำธุรกิจอาเจลคู่กับตน ป่วยเป็นโรคธาลัส ซีเมียมาตั้งแต่อายุ 5 เดือน ต้องทำการให้เลือดทุกๆ 3 อาทิตย์มาตลอดเกือบ 20 ปีเต็ม และหมอเคยทำนายว่าอายุของน้องต้องไม่เกิน 20 ปี
แต่หลังจากตนให้น้องทานผลิตภัณฑ์ของอาเจลช่วงระยะเวลาหนึ่ง ปรากฏว่าภูมิต้านทาน และผลเลือด ของน้องดีขึ้นมาก จากที่เคยต้องไปให้เลือดทุกๆ 3 สัปดาห์ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น 5 สัปดาห์ครั้ง และปัจจุบันนี้น้องก็มีอายุเกินกว่า 20 ปีแล้ว” นี่คือความประทับใจสูงสุดที่ทำให้ “ณัฏฐ์ธเดช” เริ่มต้นทำธุรกิจกับอาเจลอย่างจริงจัง
ปัจจุบันเขาทำธุรกิจอาเจลมากว่า 4 ปีแล้ว ถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจรุ่นแรกๆ ของอาเจลในเมืองไทยก็ว่าได้ แม้ระยะกว่า 4 ปีที่ผ่านมา เขาจะต้องเผชิญกับปัญหา และวิกฤติในธุรกิจอาเจลมากมาย เขาก็ยังต่อสู้และคงยืนหยัด จนสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับสูงของบริษัทได้ ทั้งนี้ก็ด้วยปรัชญาแนวคิดของ “ณัฏฐ์ธเดช” ที่ว่า “จงเชื่อมั่นในหลักของ Positive Thinking” ต้องเปลี่ยนปัญหาด้านลบให้กลายเป็นบวก และสิ่งสำคัญจงเชื่อมั่น และจริงใจกับองค์กรของตน แล้ววันหนึ่งความสำเร็จก็จะเข้ามาหาเราเอง
โดยขณะนี้ “ณัฏฐ์ธเดช” มีทีมงานในประเทศ ไทยกว่า 1 หมื่นคน และสามารถสร้างทีมงานอาเจลในต่างประเทศประมาณ 15 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยหลักการบริหารงานที่สำคัญ “ณัฏฐ์ธเดช” กล่าวว่า “ตนใช้หลักการเป็นแบบอย่างที่ดี ตามปรัชญา “ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน” เพราะเมื่อทีมงานสัมผัสได้ถึงความขยัน ความตั้งใจจริง การฝึกฝนเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองของเราอยู่เสมอ เขาก็จะปฏิบัติตามไปด้วยโดยปริยาย และสิ่งสำคัญตนจะพยายามปลูกฝังการยึดหลักจรรยาบรรณในการทำธุรกิจให้กับทีมงานอยู่เสมอ เช่น ไม่โอ้อวดเกินจริง ว่าทำธุรกิจนี้แล้วได้รับรายได้ต่อเดือนเป็นหลักล้านบาทง่ายๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะตนมองว่าการจะประสบความสำเร็จในชีวิตจริงๆ สิ่งแรกเลย คือเราต้องมีความจริงใจกับทุกคน ต้องพูดความจริง”
ซึ่ง “ณัฏฐ์ธเดช” กล่าวถึง ความสำเร็จที่เขาได้รับจากอาเจล ว่า ที่ผ่านมาเขาสามารถส่งน้อง สาวเรียนจนจบมหาวิทยาลัยด้วยเงินจากอาเจลทั้งหมด ปัจจุบันสามารถทำให้ พ่อแม่ เกษียณอายุ การทำงานได้แล้ว และนอกจากนี้เขายังได้เป็นสมาชิก สโมสรผู้ประสบความสำเร็จได้รายได้เกิน 10 ล้านบาท จากอาเจล ได้ท่องเที่ยวมาแล้วกว่า 20 ประเทศ ได้รับกองทุนรถหรู ซื้อคอนโดฯ เป็นของตนเอง และมีสินทรัพย์ต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
เป้าหมายในปี 2555 เขาจะสร้างทีมงานขึ้นตำแหน่งไดมอนด์เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 คนให้ได้ และนอกจากนี้ เขาอยากจะประสบความสำเร็จในระดับเวิลด์คลาส โดยวางแผนไว้ว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะต้องเป็นผู้นำที่มีเครือข่ายในต่างประเทศ เติบโตอย่างมั่นคง 4 ประเทศ และในอีก 5-10 ปีข้างหน้าอยากจะมีองค์กรในต่างประเทศอีกประมาณ 10 ประเทศ
ทั้งนี้ “ณัฏฐ์ธเดช” ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพรวมของ ธุรกิจขายตรงในเมืองไทยว่า ขายตรงเมืองไทยต้องเติบโตได้อีกมาก และสามารถเติบโตได้ทั่วโลกด้วย เพราะตนยึดหลักแนวคิดตามผู้เป็นเจ้าของเฟซบุ๊กที่ว่า “ธุรกิจอะไรก็ตาม ที่ใช้พลังความเชื่อมโยงของเครือข่ายผู้คน ธุรกิจนั้นก็จะเติบโตอย่าง ไร้ขีดจำกัด ไม่มีที่สิ้นสุด “ฉะนั้นธุรกิจ เครือข่ายจึงสามารถเติบโตได้ตาม หลักการดังกล่าว แต่อย่างไรก็ดีการดำเนินธุรกิจในเมืองไทย ตนอยากวิงวอนขออย่าให้มีการสาดโคลน หรือโจมตีใส่กัน เพราะตนมองว่า บริษัทแต่ละบริษัทต่างมีดีเป็นของตนเอง ดังนั้นพี่น้องชาวเครือข่ายทุกคน จึงควรส่งเสริมธุรกิจนี้ให้ก้าวเดินไปด้วยกัน ช่วยกันรณรงค์การทำธุรกิจอย่างมืออาชีพดีกว่า”
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ ฉบับที่ 1286 ประจำวันที่ 24-3-2012 ถึง 27-3-2012
รู้จักโจ ณัฎฐ์ธเดช เพิ่มเติม คลิกที่นี้ครับ