บางส่วนจากหนังสือ Why We Want You to be Rich
เป็นเรื่องที่ช็อควงการธุรกิจโลกมากๆ
เมื่อเศรษฐีที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง โรเบิร์ต คิโยซากิ และ โดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมกันเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า
"Why We Want You to be Rich " หรือ ชื่อไทยว่า “ชวนคุณให้รวย”
ซึ่งเนื้อหาโดยรวมเป็นการแนะนำให้คนธรรมดาๆ เรียนรู้เคล็ดลับความร่ำรวย และบอกเหตุผลว่าทำไมคุณต้องร่ำรวย เพื่อคุณเองจะได้ช่วยเหลือผู้อื่นและสังคมรอบข้างคุณได้
ผมได้คัดลอก1 บทของหนังสือนี้ที่พูดถึงธุรกิจเครือข่ายมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ศึกษาความคิดของคนรวยต่ออุตสาหกรรมนี้
ทำไมคุณถึงแนะนำการตลาดแบบเครือข่าย?
คำตอบของโรเบิร์ต
ครั้งแรกที่ผมได้ยินเกี่ยวกับการตลาดแบบเครือข่ายหรือธุรกิจขาย ตรง ผมรู้สึกต่อต้าน
แต่หลังจากเปิดใจแล้ว ผมเริ่มมองเห็นข้อได้เปรียบ ที่ธุรกิจประเภทอื่นไม่ได้เสนอโอกาสแบบนี้ให้
การประสบความสำเร็จในชีวิตแบบระยะยาวนั้น เป็นผลสะท้อนจากการศึกษาของคุณ ประสบการณ์ชีวิต
และลักษณะส่วนบุคคล บริษัทการตลาดแบบเครือข่ายหลายบริษัท ให้โอกาสในการฝึกฝนพัฒนาตัวเอง
ในด้านต่างๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญเหล่านั้น
โรงเรียนส่วนใหญ่สอนคนให้พร้อมทำงานในด้าน E และ S
และนั่นก็ดีถ้าเป็นสิ่งที่คุณอยากจะใช้ชีวิตในแบบนั้น
แม้แต่นักเรียน MBA ส่วนใหญ่ก็เรียนเพื่อมองหางานที่ได้รับเงินเดือนสูงๆ ในบริษัทใหญ่ๆ นี่จัดอยู่ในด้าน E ไม่ใช่ด้าน B
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณอยู่ในด้าน E หรือ S
แล้วคุณต้องการจะเปลี่ยน แล้วถ้าคุณต้องการไปอยู่ในด้าน B ล่ะ
คุณต้องเรียนรู้จากที่ไหนที่จะฝึกคุณให้ไปสู่ด้านนั้นได้
ผมแนะนำ ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย
คำแนะนำนี้สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยน ต้องการฝึกฝนความชำนาญเฉพาะทาง
และปรับทัศนคติที่จำเป็นเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในด้าน B
การเริ่มเป็นเจ้าของธุรกิจและการสร้างธุรกิจเช่นคนในด้าน B นั้นไม่ง่าย
ความจริงแล้วผมเชื่อว่า การสร้างธุรกิจในด้าน B
เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดที่คนคนหนึ่งจะทำได้
เหตุผลที่มีคนอยู่ในด้าน E และ S มากมาย ก็เพราะว่าสองด้านนั้นต้องการคุณสมบัติน้อยกว่าด้าน B อย่างที่เคยได้ยินว่า "ถ้ามันง่ายทุกคนคงทำกันหมดแล้ว"
โดยส่วนตัวแล้ว ผมต้องเรียนรู้ที่จะเอาชนะความกังวล ความอาย
และความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ผมต้องเรียนรู้การเชิดหน้าขึ้นแล้วก้าวเดินต่อไป
หลังจากที่ล้มเหลว มีลักษณะเฉพาะของคนเราที่ต้องพัฒนา
ถ้าพวกเขาต้องการที่จะประสบความสำเร็จในด้าน B ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย
แฟรนไชส์ หรือการเริ่มเป็นเจ้าของกิจการ
คนในด้าน B ต้องมีความชำนาญส่วนตัวที่สำคัญอย่างหนึ่ง
นั่นคือ การเป็นผู้นำ คุณสามารถเอาชนะความกลัวของตัวเอง
และทำให้คนอื่นๆ ชนะความกลัวของเขาเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงได้หรือไม่?
นี่เป็นความชำนาญที่โรงเรียนนาวิกโยธินสอนผมในฐานะนายทหารเรือ
เราถูกสอนให้สามารถนำคนอื่นในสงคราม ถึงแม้ว่าเราต่างก็กลัวตายเหมือนกันก็ตาม
ผมพบคนมากมายในด้าน S ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการเฉพาะด้านและเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก
คนที่อยากจะเพิ่มพูนหรือขยายให้ไกลกว่านี้ แต่เขาหรือเธอขาดความเป็นผู้นำ ไม่มีใครต้องการตามพวกเขา
พนักงานไม่เชื่อการนำของพวกเขา หรือไม่ก็ผู้นำไม่สามารถจูงใจให้พนักงานทำสิ่งต่างๆ ให้ดีกว่าเดิมได้
อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว นิตยสาร Forbes นิยามคำว่า เจ้าของกิจการขนาดใหญ่หรือเจ้าของธุรกิจในด้าน B ว่า
เป็นคนที่ควบคุมธุรกิจที่มีพนักงานมากกว่า 500 คน
คำนิยามนี้แสดงให้เห็นว่า ทำไมความเป็นผู้นำจึงสำคัญสำหรับด้าน B
คุณจะหาธุรกิจไหนที่สามารถลงทุน ใช้เวลาไปกับการเรียนรู้ การพัฒนาตัวเอง.
และสร้างธุรกิจของคุณเองบ้าง คำตอบคือ ธุรกิจที่ทำการตลาดแบบเครือข่าย
การสร้างธุรกิจในด้าน B นั้น ไม่ใช่งานง่ายเลย คุณต้องถามตัวเองว่า "ผมต้องทำอะไรบ้าง?
ผมตั้งใจจะทำงานหนักกว่าเดิมหรือไม่?
ผมอยากที่จะนำและเรียนรู้การเป็นผู้นำหรือไม่?
ผมมีลักษณะของการเป็นคนรวย หรือพร้อมจะเป็นหรือเปล่า?"
ถ้าคำตอบคือ "ใช่" คุณควรเริ่มมองหา ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายที่มีโปรแกรมการฝึกฝนที่ดี
ผมมักไม่ค่อยสนใจตัวสินค้าหรือผลประโยชน์มากไปกว่าโปรแกรมการศึกษาและการพัฒนาที่บริษัทจะมีให้
ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายเป็นธุรกิจในด้าน B เพราะเข้าข่ายหลายๆ อย่างที่ผมมองหาในธุรกิจที่จะลงทุน ขอบข่ายเหล่านั้นก็คือ
- พลังทวี ผมสามารถฝึกฝนคนอื่นให้ทำงานแทนผมได้หรือไม่?
- ควบคุม ผมมีระบบควบคุมที่เป็นของผมหรือไม่?
- สร้างสรรค์ ธุรกิจนี้สามารถให้ผมสร้างสรรค์หรือพัฒนาในรูปแบบและความคิดส่วนตัวของผมเองหรือไม่?
- เพิ่มพูน ธุรกิจของผมเติบโตต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้งหรือไม่?
- คาดการณ์ได้ ผมสามารถคาดการณ์รายได้ของผมตามที่ตั้งไว้ได้หรือไม่?
ถ้าผมประสบความสำเร็จและสามารถขยายกิจการออกไปได้อีก
รายได้ของผมจะมากขึ้นตามการทำงานหนักและประสบความสำเร็จได้หรือไม่
การตลาดแบบเครือข่ายไม่ได้มีโครงสร้างเป็นแบบพีระมิดอย่างนั้นหรือ?
มีคนถามผมบ่อยๆ ว่า การตลาดแบบเครือข่ายนั้นมีโครงสร้างเหมือนพีระมิดหรือไม่?
คำตอบของผมคือ การ ทำงานในองค์กรมีโครงสร้างเป็นแบบพีระมิดแน่นอน
มีคนคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดขององค์กร ซึ่งปกติแล้วคือ CEO และทุกๆ คนก็อยู่ใต้ CEO
แต่ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายที่แท้จริงนั้นเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับรูปแบบ
ธุรกิจเดิมๆ อย่างสิ้นเชิงธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายนั้นถูกออกแบบมาเพื่อพาคุณให้ไปสู่ จุดสูงสุด
ไม่ใช่ให้คุณมาเป็นฐานอยู่ข้างล่าง ธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายที่แท้จริงนั้นจะไม่เรียกว่าประสบความสำเร็จ
ถ้าไม่สามารถนำคนไปสู่จุดสูงสุดได้
ประเด็นเพิ่มเติมที่ควรค่าแก่การพูดถึง
1.การลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้น การเริ่มทำธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายนอกเวลางาน
ในขณะที่ทำงานประจำไปด้วย คุณจะเริ่มได้ผลประโยชน์ทางภาษีแบบคนรวย
การทำงานนอกเวลานำไปลดหย่อนภาษีได้มากกว่าพนักงานประจำ
ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะสามารถหักค่าใช้จ่าย เช่น ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร และสิ่งเพื่อความบันเทิง
แน่นอนว่า คุณต้องตรวจสอบกับผู้สอบบัญชีก่อนเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎได้อย่างถูกต้องใน
กรณีของคุณ และค่าใช้จ่ายของผู้สอบบัญชีนั้นก็นำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย
ในหลายๆ กรณี พนักงานไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายการตรวจสอบบัญชี หรืออีกนัยหนึ่ง
รัฐบาลอนุญาตให้คุณลดหย่อนภาษีที่เกิดจากค่าใช้จ่ายในการขอคำแนะนำว่าทำ อย่างไรจึงจะจ่ายภาษีน้อยลง
2. คนที่คิดเหมือนๆ กัน หนึ่งในข้อได้เปรียบที่ผมมีก็คือ
เพื่อนของผมก็เป็นคนที่ต้องการอยู่ในด้าน B เช่นเดียวกับผม
ตอนแรกเลยนั้น เพื่อนส่วนใหญ่ในด้าน E ของผมคิดว่า ผมบ้า
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผมไม่ต้องการงานที่มั่นคงหรือเงินเดือนประจำ
ดังนั้น สิ่งสำคัญสำหรับผมที่ต้องทำในการไปอยู่ในด้าน B
คือ การไปอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนในด้าน B หรือกลุ่มคนที่ต้องการเป็นคนด้าน B
3. ให้เวลากับตัวเอง การจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องใช้เวลา
ไม่ว่าคุณจะอยู่ด้านใดก็ตาม อย่างที่ต้องใช้เวลาในการปีนบันได้องค์กรเพื่อไปสู่ตำแหน่งสูงสุด
เช่น คนในด้าน E หรือเพื่อเป็นแพทย์ ทนายความที่ประสบความสำเร็จในด้าน S ต้องใช้เวลาและการอุทิศตน
เพื่อให้ประสบความสำเร็จในด้าน B ผมเองก็ใช้เวลาหลายปีกว่าที่ผมจะประสบความสำเร็จในธุรกิจด้าน B
ดังนั้น จงให้เวลากับตัวเอง ผมให้เวลาตัวเอง 5 ปีในการเรียนรู้
และพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวข้ามไปเป็นคนในด้าน B
4. บริษัทการตลาดแบบเครือข่ายนั้นให้เวลาคุณ จนกว่าคุณจะประสบความสำเร็จ
หนึ่งในข้อดีของธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายก็คือ ลงทุนในตัวคุณ แม้ว่าคุณจะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม
ในโลกขององค์กร ถ้าคุณไม่แสดงให้เห็นว่าจะประสบความสำเร็จภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี คุณมักจะถูกเชิญให้ออกในที่สุดในโลกของการตลาดแบบเครือข่าย
ตราบเท่าที่คุณอยากใช้เวลากับธุรกิจเครือข่าย
นักธุรกิจกลุ่มนี้จะทำงานร่วมกับคุณในการพัฒนาตัวคุณ
เหนืออื่นใดนั้น พวกเขาต้องการให้คุณไปสู่จุดสูงสุด
5. ทุ่นแรงด้วยระบบที่มีใช้อยู่แล้ว ระบบเหล่านี้มักจะมีคนทำงานและพิสูจน์มาแล้ว
ว่าสามารถพาคุณไปสู่เป้าหมายได้ แทนที่จะต้องพยายามสร้างระบบภายในใหม่ทั้งหมดในบริษัทใหม่
สรุป
หลังจากที่ผมเปิดใจเรียนรู้การตลาดแบบเครือข่ายในท้ายสุดผมก็สามารถมองเห็น
ประโยชน์ที่ธุรกิจในอุตสาหกรรมการตลาดแบบเครือข่ายนำเสนอ ให้กับคนที่ต้องการ ก้าวออกจากการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ
โดยทั่วไปแล้ว ในการตั้งต้นทำธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายใช้เงินทุนน้อยกว่ามาก
เมื่อเทียบกับการทำธุรกิจด้วยตัวคุณเอง
คำตอบของโดนัลด์
การตลาดเป็นเครื่องมือสำคัญ และการตลาดแบบเครือข่ายเป็นอะไรที่เพิ่มพลังมากกว่านั้นอีก
ถ้าคุณสามารถทำได้ ลองนึกภาพง่ายๆ ว่า มีผลิตภัณฑ์อยู่หนึ่งชิ้น
เอาคำโฆษณาต่างๆ ออก คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณล่ะว่าจะทำการตลาดหรือโฆษณาอย่างไร
นั่นเป็นงานยักษ์เลยทีเดียว แต่คุณก็สามารถทำให้สำเร็จได้....
ถ้าคุณหลงใหลในสิ่งที่ทำมากพอที่จะดำเนินการด้วยตัวเอง....
สามารถที่จะรักษาความมุ่งมั่นและแรงจูงใจไปสู่จุดนั้นได้ .....
ต้องใช้จิตวิญญาณของความเป็นเจ้าของอย่างมากเลยทีเดียว นั่นหมายถึงความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างหนัก
ผมไม่แนะนำการตลาดแบบเครือข่ายให้กับคนที่ไม่ค่อยมีแรงจูงใจในตัวเองเท่าใดนัก
อีกมุมมองหนึ่งของการตลาดแบบเครือข่ายก็คือ
มันเป็นเหมือนกับการเข้าสังคมโดยปกตินั่นเอง ดังนั้น
ถ้าคุณเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคมหรือไม่กล้าแสดงออก
คิดให้รอบคอบก่อนที่คุณจะเลือกเข้าไปสัมผัสธุรกิจขายตรง
ข้อกำหนดของคนที่จะทำการตลาดแบบเครือข่ายคือ คุณต้องชอบเข้าสังคม
เหมือนกับการโฆษณาทั่วไป ไม่จำเป็นจะต้องมีโฆษณาที่เลิศหรู
ถ้าผลิตภัณฑ์นั้นไม่ได้เหนือธรรมดา จำไว้ว่า
ถ้าคุณตัดสินใจจะเป็นผู้จัดจำหน่าย จงแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นคุ้มกับพลังและการอุทิศตนของคุณ
ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะกลายเป็นคนที่หมุนล้อตัวเองด้วยพลังทั้งหมดแต่มันไม่ เคลื่อนไปไหนเลย
โรเบิร์ตพูดถึงความสำคัญของการก้าวออกจากความสะดวกสบาย
เมื่อคุณต้องทำงานในธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย
เขายังพูดเรื่องการให้เวลาตัวเองอย่างเพียงพออีกด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญ
ที่ต้องพิจารณา ผมเห็นด้วยว่าความเป็นผู้นำนั้นเป็นคุณสมบิตที่สำคัญในการประสบความสำเร็จ
คุณจำเป็นต้องมีบทบาทในการรับผิดชอบ และทัศนคติว่า "ผมทำได้ทุกอย่าง"
เช่นเดียวกับการทำกิจกรรมอื่นๆ คุณต้องรู้ทุกอย่างที่คุณสามารถรู้ได้ว่า
คุณจะต้องทำอะไรก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ
การตลาดแบบเครือข่ายได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เติบโตต่อไปได้และเป็นแหล่งรายได้ที่ดี
และอาจจะเป็นความท้าทายที่เหมาะกับคุณ
มีตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้มากมาย และคนเหล่านั้นทำมาหาเลี้ยงชีพ ด้วยความขยัน ตื่นตัว
และด้วยผลิตภัณฑ์ที่มาได้ถูกเวลา เช่นเดียวกับหลายๆ ประเด็น ที่เราได้พูดไปก่อนหน้านี้แล้ว
มันมีทั้งสิ่งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ แต่ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องลึกลับที่ไม่มีใครเคยเผชิญ
และนั่นก็ปรับใช้ได้กับธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายด้วย
พวกคุณคงจะเคยได้ยินคำว่า การทำการวิจัยแบบ Focus Group หรือการวิจัยแบบกลุ่มที่คัดเลือกคนมาโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการวิจัย ที่นักโฆษณาชอบใช้เมื่อต้องการทดสอบ ผลิตภัณฑ์ใหม่
พวกเขาจะไปยังสถานที่ต่างๆ และถามคนที่คัดเลือกมาว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรในผลิตภัณฑ์นี้
จะเป็นการดีถ้าคุณสามารถสรุปความคิดที่ได้จากการทำ Focus Group ให้ได้
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้น เพราะการที่คุณชอบไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะต้องชอบด้วย
การหาคนอื่นมาร่วมคิดด้วยในเรื่องของความรู้สึกที่มีต่อผลิตภัณฑ์เป็นสิ่ง ที่ดีกว่า
คำแนะนำของผมเกี่ยวกับธุรกิจการตลาดแบบเครือข่ายก็คือ
ให้วิจัย และนำผลที่ได้ทุกๆ อย่างใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์
จำไว้ว่าไม่มีอะไรเอาชนะความรู้สึกกระตือรือร้นที่เต็มเปี่ยมอย่างแท้จริงได้ และเมื่อนั้นความมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นกับคุณ
<คลิ๊ก> ศึกษา ธุรกิจเครือข่าย Agel - เอเจล ที่เศรษฐีโลกแนะนำ พิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง